คนท้องกินปลาร้าได้ไหม คือคำถามที่คุณแม่หลาย ๆ คนกังวลไม่น้อยเพราะเป็นส่วนผสมอาหารแซ่บ ๆ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ เมนูน้ำพริก ที่คนท้องมักจะชอบทานเป็นพิเศษแต่ก็กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย และลูกน้อยในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็งท่อน้ำดี กล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเหน็บชา โรคไต และพยาธิต่าง ๆ ดังนั้นเราจึงหาคำตอบมาให้
คนท้องกินปลาร้าได้ไหม กินแล้วมีประโยชน์อย่างไร
สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถทานเมนูที่มีส่วนผสมของน้ำปลาร้าได้ตามปกติ แต่การกินทุกครั้งต้องปรุงให้สุก มีการนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาใส่ในปริมาณที่เหมาะสม สะอาดเพื่อที่จะได้อิ่มอร่อย และร่างกายได้สารอาหารที่ครบถ้วน โดยปลาร้าไม่ได้เพิ่มความอร่อยได้เพียงอย่างเดียวยังมีประโยชน์ต่อร่างกายและลูกในครรภ์หลายอย่างด้วยกัน
อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก – ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด และสามารถช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้เป็นอย่างดี
อุดมไปด้วยวิตามิน – ในปลาร้าอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย เช่นเดียวกับถั่วเน่า เต้าหู้ยี้หรือ นัตโตะถั่วเน่าญี่ปุ่น โดยมีทั้งวิตามินเค วิตามิน เอ, วิตามิน บี 1, วิตามิน บี 2, ไนอาซีน และฟอสฟอรัส เป็นต้นซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งแม่ และลูกในครรภ์ ให้มีภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น
อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต – คาร์โบไฮเดรตถือเป็นแหล่งให้พลังงานสูง ย่อมส่งผลดีต่อร่างกายทำให้มีแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แคลเซียมสูง – แคลเซียมมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรงจึงส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดี
คนท้องกินปลาร้าได้ไหม กินอย่างไรให้ปลอดภัย
- ก่อนจะทำเมนูใด ๆ ควรนำปลาร้ามาต้มให้สุกก่อน โดยสามารถต้มได้ทั้งน้ำปลาร้า และเนื้อปลาร้า
- ไม่กินในปริมาณที่มากจนเกินไป ควรกินในปริมาณที่พอดีเพื่อป้องกันอัตรายหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดกับร่างกาย
- ควรกินควบคู่ไปกับอาหารประเภทอื่น ๆ เช่นหากทำน้ำพริกปลาร้าก็ควรทานคู่กับผักสด ไข่ต้ม ข้าว เพื่อที่ร่างกายจะได้สารอาหารที่ครบหมู่
- เมื่อทานเมนูที่มีส่วนผสมของปลาร้าเสร็จ ไม่ควรนำกลับมาทานในมื้อต่อ ๆ เพราะอาจจะมีแบคทีเรียเชื้อโรคต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นจนเกิดอาการท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้
มาถึงตรงนี้คงหายข้อใจกับคำถามที่ว่า คนท้องกินปลาร้าได้ไหม โดยสรุปได้ว่าสามารถทานได้แต่ต้องปรุงให้สุก และทานในปริมาณที่พอดีเอาแค่ให้หายอยาก ไม่ควรทานบ่อยมากเกินไปก็จะทำให้การทานปลาร้าไม่ส่งผลเสียทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
